การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศสักเครื่องบางทีก็สร้างความปวดหัวให้มากเหมือนกัน งั้นมาดูว่าหาต้องการเลือกซื้อแอร์มาใช้งานควรพิจารณาสิ่งใดบ้าง
ใกล้หน้าร้อนทีไรคำถามที่ช่างแอร์มักจะถูกถามเป็นประจำก็คือ จะเลือกซื้อแอร์บ้านแบบไหน ขนาดเท่าไรดี บางครั้งคำถามเหล่านี้ก็ตอบยากเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นมาหาคำตอบเบื้องต้นว่าจะเลือกซื้อแอร์อย่างไรให้เหมาะสมกับความต้องการกันดีกว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาก็จะมี ขนาดของห้อง ชนิดของน้ำยาทำความเย็น R22 หรือ R410a, R32 และจะเลือกแอร์แบบธรรมดาหรือแอร์ที่เป็นระบบอินเวอร์เตอร์กันดีอย่างแรกที่ควรจะรู้คือแอร์มีกี่ประเภทที่ยังนิยมใช้งานกันอยู่ หลักๆ ก็คงจะมี 5 ประเภทคือ
![]() | |
เครื่องปรับอากาศชนิดต่างๆ |
2. แบบตั้งหรือแขวนใต้ฝ้า (Floor and Celling Type 12,000-60,000 BTU)
3. แบบเปลือยฝังในฝ้า (Duct Type 12,000-60,000 BTU)
4. แบบตู้ตั้งพื้น (Floor Standing 25,000-60,000 BTU)
5. แบบสี่ทิศทาง (Cassette Type 12,000-60,000 BTU)
อย่างที่สองจะเลือกแอร์ขนาด(BTU)เท่าไรดี
เมื่อได้แอร์แบบที่ต้องการแล้ว ต่อไปก็ถึงคราวต้องเลือก "ขนาด" ของเครื่องปรับอากาศให้มีความเหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะนำไปติดตั้ง โดยปกติต้องมีการคำนวณโดยวิศวกรที่มีความชำนาญเพื่อให้ได้ขนาดของเครื่องปรับอากาศที่ถูกต้อง แต่เพื่อความสะดวกจึงได้มีการคำนวณและทำออกมาเป็นตารางให้บุคคลทั่วไปสามารถเลือกตามขนาดห้องของตนเองได้ดังตาราง โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นนอกเหนือจากขนาดของห้องด้วย หลักๆ ที่นำมาคิดก็คือห้องโดนแสงแดดหรือไม่ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่หรือที่สร้างความร้อน เช่น คอมพิวเตอร์ กาต้มน้ำ ตู้เย็น อยู่ภายในห้องหรือไม่ หรือมีห้องน้ำอยู่ภายในห้อง ซึ่งเป็นที่เก็บความชื้นทำให้แอร์ต้องทำงานหนักกว่าปกติ ดังนั้นอาจจะต้องเลือกแอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมตามไปด้วย
![]() |
ตารางคำนวณขนาดของแอร์ คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่ |
ภาพจาก สมาคมผู้ค้าเครื่องปรับอากาศไทย
อย่างที่สามจะเลือกแอร์ที่ใช้น้ำยาตัวไหนดีโดยหลักๆ น้ำยาแอร์บ้านจะมีเบอร์ R22, R410a และใหม่ล่าสุด R32 น้ำยาแต่ละตัวมีข้อดีข้อเสียอย่างไรและเพื่อไม่ให้มีความเป็นวิชาการมากเกินไป(คนอ่านจะเบื่อ)ขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
1. น้ำยาแอร์ R22
ข้อดี มีมานานใช้ในแอร์บ้านส่วนใหญ่ น้ำยาขาดสามารถเติมน้ำยาใหม่เข้าไปได้เลย และมีราคาถูก ที่สำคัญช่างแอร์ส่วนใหญ่มีความคุ้นเคย
ข้อเสีย ทำลายโอโซนและทำให้โลกร้อนและตาม สนธิสัญญาเกียวโต (Kyoto Protocol) สนธิสัญญามอนทรีออล (Montreal Protocol) กำหนดให้ค่อยๆ ลดการใช้น้ำยา R22 และจะเลิกผลิตในปี ค.ศ.2017 ในยุโรป และ ค.ศ.2020(พ.ศ.2563) ในประเทศที่เหลือรวมทั้งประเทศไทย ดังนั้นแอร์รุ่นใหม่ๆ จะมีน้ำยา R22 ให้เลือกซื้อน้อยลง และตัวน้ำยาเองก็จะมีราคาแพงขึ้น
2. น้ำยาแอร์ R410a
ข้อดี นำมาใช้แทน R22 ไม่ทำลายโอโซนแต่ทำให้โลกร้อนขึ้น ประสิทธิภาพการทำความเย็นดีกว่า R22 ประมาณ 40% ทำให้ค่าไฟถูกลง
ข้อเสีย เครื่องปรับอากาศรุ่นที่ใช้น้ำยา R22 ไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้น้ำยา R410a ได้ ถ้าเกิดการรั่วซึมต้องถ่ายน้ำยาทิ้งทั้งหมดไม่สามารถเติมเพิ่มเข้าไปได้ต้องเติมน้ำยาทั้งหมดใหม่เท่านั้น และมีราคาแพงกว่า R22 อยู่ประมาณ กิโลกรัมละ 500-600 บาท
3. น้ำยาแอร์ R32 (น้ำยาตัวใหม่ ณ วันที่เขียน พ.ศ.2558)
ข้อดี ไม่ทำลายโอโซน ไม่ทำให้โลกร้อน (พระเอกตัวจริง?) ให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นดีกว่า R22 ประมาณ 60% และดีกว่า R410a ประมาณ 20% หมายความว่าค่าไฟก็จะถูกลงตามไปด้วย เมื่อน้ำยารั่วสามารถเติมเพิ่มเข้าไปได้ไม่ต้องถ่ายน้ำยาเก่าทิ้ง
ข้อเสีย เครื่องปรับอากาาศที่ใช้น้ำยา R32 รวมทั้งตัวน้ำยาเองยังมีราคาแพงอยู่มาก(แพงกว่า R410a) ช่างส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักน้ำยาตัวนี้
![]() |
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ |
อย่างสุดท้ายเลือกแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ดีหรือไม่
ถ้าจะอธิบายเรื่องเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์คงต้องเขียนกันยาวจึงจะขอสรุปไว้เพียงจุดเด่นๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเท่านั้น
ข้อดี มีให้เลือกใช้ทั้งแบบที่ใช้น้ำยา R22 และ R410a ประหยัดไฟกว่าระบบธรรมดาประมาณเดือนละ 200-300 บาท คอมเพลสเซอร์เดินเงียบไม่มีเสียงรบกวนจากการเปิด-ปิดการทำงานของคอมเพลสเซอร์(ตัวที่อยู่นอกบ้าน) รักษาอุณหภูมิในห้องให้คงที่ไม่รู้สึกว่าหนาวๆ ร้อนๆ
ข้อเสีย ตัวเครื่องมีราคาแพง มีระบบอิเล็กทรอนิคที่ซับซ้อนช่างส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ ค่าการบำรุงรักษาแพงกว่าระบบธรรมดาอยู่มากเฉพาะตัวบอร์ดอิเล็คทรอนิคก็มีราคาหลายพันบาท
บทความจากช่างแอร์ศรีสะเกษคงจะมีประโยชน์กับผู้อ่านและมีแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ จะได้เลือกซื้อแอร์บ้านที่มีราคาและลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับแต่ละความต้องการได้นะครับ
No comments:
Post a Comment